spanmarine

โปรตีนแน่นจากครัวไทย! ปลานิลไทยคู่แข่งใหม่ของแซลมอน

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ปลาอย่าง ปลานิล (Tilapia) ซึ่งเป็นปลาน้ำจืดที่เลี้ยงได้ง่ายในไทยและราคาเข้าถึงได้ ได้รับความสนใจอย่างมากในแวดวงโภชนาการว่าอาจมี คุณค่าทางโภชนาการที่โดดเด่นกว่า ปลาแซลมอน ซึ่งถูกจัดอันดับสูงในอาหารสุขภาพโลกมาโดยตลอด จุดเด่นด้านคุณค่าทางโภชนาการ • จากข้อมูล พบว่า ปลานิล 100 กรัม มีโปรตีนราว 26 กรัม และให้พลังงานประมาณ 128 แคลอรี — ซึ่งจัดว่าโปรตีนสูง ไขมันต่ำเมื่อเทียบกับปลาอื่น ๆ• ในด้านวิตามิน & แร่ธาตุ พบว่า ปลานิลอุดมไปด้วยไนอาซิน (วิตามิน B3) ประมาณ 24% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน, วิตามิน B12 ประมาณ 31% จากปริมาณที่แนะนำ, ฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมราว 20% และซีลีเนียมถึง 78%• ด้วยคุณสมบัติโปรตีนสูง + ไขมันต่ำ + แคลอรีต่ำ ทำให้ปลานิลถูกมองว่าเป็นตัวเลือกที่ดีมากสำหรับผู้ที่เน้นควบคุมน้ำหนัก หรือผู้ที่ต้องการอาหารคุณภาพสูงโดยไม่เพิ่มพลังงานมากเกินไป แล้วจริงหรือที่ “สูงกว่าแซลมอน”? แม้จะมีการกล่าวอ้างว่า “ปลานิลมีคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่าแซลมอน” แต่เมื่อดูข้อมูลอย่างละเอียด พบว่า ข้อมูลบางแห่ง ระบุว่า ปลาแซลมอน 100 กรัม มีโปรตีนประมาณ 22-25 กรัม ขณะที่ปลานิล 100 กรัม มีโปรตีนประมาณ 26 กรัม อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญบางท่านชี้ว่า ข้อกล่าวอ้างที่ว่าสูงกว่าอย่างชัดเจนนั้น อาจเกินจริง เพราะขึ้นอยู่กับแหล่งเลี้ยง ประเภท การแปรรูป และองค์ประกอบอื่น ๆ tna.mcot.net ดังนั้น สรุปได้ว่า “มีโอกาสที่ปลานิลจะมีคุณค่าทางโภชนาการใกล้เคียงหรือในบางมุมอาจดีกว่าแซลมอน” แต่ไม่ใช่ว่าจะ “เหนือกว่าในทุกด้าน” โดยไม่มีเงื่อนไข ทำไมปลานิลไทยจึงน่าสนใจ ราคาเข้าถึงได้ง่าย และเลี้ยงในไทยได้สะดวก ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้บริโภค เนื้อปลาขาว นุ่ม รสชาติอ่อน ทำให้ปรุงได้หลากหลายเมนู และเหมาะกับทุกเพศทุกวัย มีการกล่าวว่าอาจเป็น “ซูเปอร์ฟู้ด” ในระดับโลก เพราะโปรตีนสูง ไขมันต่ำ และแคลอรีต่ำ วิธีเลือก & แนะนำการบริโภค เลือกปลานิลที่สด เนื้อใส ไม่มีกลิ่นคาว เสริมด้วยวิธีปรุงที่เน้นสุขภาพ เช่น ย่าง / อบ / นึ่ง แทนทอด ควรรับประทานควบคู่กับผักหลากหลาย และแหล่งคาร์โบไฮเดรตคุณภาพ เช่น ข้าวกล้อง หรือควินัว เพื่อได้สารอาหารครบถ้วน หากมีเงื่อนไขสุขภาพ เช่น ภาวะไต หรือแพ้อะไร ควรปรึกษาแพทย์ / นักโภชนาการก่อน ข้อควรระวัง แม้ปลานิลจะมีโปรตีนสูง แต่ปลาแซลมอนยังคงมีข้อได้เปรียบในส่วนของกรดไขมันโอเมก้า-3 (EPA/DHA) ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งปลานิลอาจมีน้อยกว่า แหล่งเลี้ยงปลาและวิธีการแปรรูปมีผลต่อคุณภาพของปลา ดังนั้นเลือกซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้ และหลีกเลี่ยงปลาที่แปรรูปมากจนเกินไป   ขอบคุณที่มา : ไทยนิวส์ออนไลน์

โปรตีนแน่นจากครัวไทย! ปลานิลไทยคู่แข่งใหม่ของแซลมอน Read More »

อาหารบาร์ฟคืออะไร

ทุกวันนี้ การให้อาหารแบบสดดิบแก่สุนัขเริ่มเป็นที่นิยมและแพร่หลายไปทั่วโลก ผู้เลี้ยงหลายท่าน อาจรู้จักดีกับอาหารสัตว์เลี้ยงประเภทนี้ในชื่อ “บาร์ฟ” แต่รู้กันบ้างไหม ว่าคำนี้แปลมาจากอะไร บาร์ฟ เป็นคำย่อของตัวอักษรภาษาอังกฤษคือ B.A.R.F โดยย่อมาจากคำว่า Biological Appropriate Raw Foods นิยามของมันคือ “การให้อาหารสดดิบเลียนแบบวิถีการกินตามธรรมชาติและเหมาะสมทางชีวภาพ”หรือถ้าให้แปลเข้าใจง่ายกว่านั้น คือ “Bone And Raw Foods” หมายถึง การให้อาหารสดทุกชนิดรวมถึงกระดูกดิบและเครื่องในด้วยนั่นเองซึ่งอาหารประเภทนี้เป็นที่นิยมในหมู่ผู้เลี้ยงสัตว์แบบแคบ ๆ แต่เริ่มแพร่หลายมากขึ้น จากหนังสือทั้ง 3 เล่มของสัตวแพทย์ชาวAUSชื่อ เอียน บิลลิ่งเฮิร์ส (Dr.Ian Billinghurst)เล่มที่  ชื่อ “Give your dog a bone”-1993เล่มที่  ชื่อ “Grow your pups with bones”-1998เล่มที่  ชื่อ “The BARF Diet” -2001 โดยใจความสำคัญของหนังสือทั้งสามเล่ม กล่าวถึง สุนัขและแมวควรกินอาหารที่มาจากโปรตีนเนื้อสัตว์แบบสดดิบ กระดูกดิบรวมถึงเครื่องใน ผัก และผลไม้เนื่องจากร่างกายของสุนัขถูกออกแบบมาเพื่อ ย่อยอาหารประเภทนี้อยู่แล้ว(รวมถึงแมวด้วย) #อาหารสดดิบที่ถูกสัดส่วนจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยงมากที่สุด #ไม่ใช่จากอาหารสำเร็จรูปหรืออาหารปรุงเองที่ผ่านความร้อน สาเหตุที่ท่านบอกแบบนี้ เนื่องจากคุณหมอเปิดคลินิกรักษาสัตว์ในฟาร์มของตัวเองและเลี้ยงสุนัขกับแมวไว้เยอะมากโดยไม่ได้ให้อาหารสำเร็จรูป แต่มักให้พวกมันหากินเองในพื้นที่รอบฟาร์ม(กินเหยื่อตัวเล็กๆอย่างหนู นก กระต่ายป่า)รวมถึงให้เศษอาหารเหลือจากการทำอาหารในครัวมาตลอดยี่สิบปี #เน้นเนื้อและโครงไก่ กลับพบว่าสัตว์เลี้ยงทุกตัวมีสุขภาพดีมากทั้งขนสวยเงางาม ไม่มีปัญหาเรื่องกระดูกและโรคภัยไข้เจ็บ สุนัขแทบทุกตัวไม่เคยมีปัญหาเบื่ออาหารและท้องอืดส่วนแมวก็ไม่เคยเป็นนิ่ว หรือได้รับอันตรายจากการกินอาหารแบบดิบๆแม้แต่ครั้งเดียวและเพื่อเป็นการตอกย้ำความเชื่อ ท่านจึงบันทึกเก็บผลจากเจ้าของสัตว์เลี้ยงที่สนใจเข้าร่วมโครงการให้สุนัขทดลองเปลี่ยนมาให้กินอาหารสดดิบซึ่งมีสุนัขมากกว่าพันตัวที่เข้าร่วมโครงการผลปรากฏว่าสุขภาพโดยรวมเป็นไปใน #ทิศทางที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งสุนัขพันธ์ใหญ่จนถึงพันธุ์เล็กทั้งพันธ์ขนยาวหรือขนสั้น ต่างมีโครงสร้างกล้ามเนื้อที่ดี ฟันสะอาด ไม่มีปัญหากลิ่นตัวและกลิ่นปาก ฯลฯ จึงสรุปได้ว่าอาหารของสุนัขและแมวที่กินมาตลอด ก็เหมือนกับอาหารของสุนัขป่ากับแมวป่า เน้นเนื้อสัตว์แบบดิบๆซึ่งเมื่อกินแล้วจะได้สารอาหารเต็มที่ มากกว่าให้กินอาหารสำเร็จรูปที่ผ่านกรรมวิธีต่างๆเหมือนในปัจจุบันอาหารบาร์ฟจึงไม่ใช่ของแปลกใหม่ ไม่ใช่อาหารตามเทรนด์ เหมือนที่เข้าใจแต่เป็นอาหารที่ถูกต้อง และเหมาะสมแก่ร่างกายของสุนัขและแมวอย่างแท้จริงผู้เลี้ยงอย่างเราไม่ต้องไปกลัวว่าบาร์ฟดูไม่ปลอดภัยและมีอันตรายจากเชื้อโรค นั่นเพราะเอาความเชื่อและร่างกายตัวเองไปเปรียบเทียบ แต่สุนัขทุกตัวนั้นสามารถกินอาหารแบบนี้ได้อย่างมีมีปัญหา และเหมาะกับระบบย่อยอาหารมากที่สุด เหมือนกับมนุษย์ที่ควรทาน “ข้าว”เป็นอาหารมื้อหลัก สุนัขและแมวก็ควรกินอาหารสดดิบ เป็นอาหารมื้อโปรดด้วยยังไงล่ะ ขอบคุณข้อมูลจาก :หมอเป็ด https://www.barfnista.com/  

อาหารบาร์ฟคืออะไร Read More »

วิธีเก็บรักษาปลาทูน่า

“ปลาทูน่าแช่เเข็งแพคแบบสูญญากาศเพื่อเก็บรักษาความสดและคุณภาพที่ดีมีความนุ่มละมุนละลายในปาก มีวิธีเก็บรักษายังไง? ” เก็บในตู้อุณหภูมิ -18 องศาเซลเซียสหรือ ต่ำกว่านั้น เก็บไว้ได้นานประมาณ 24 เดือน (2ปี) หมายเหตุ หากเก็บแช่เย็นไว้ในน้ำเเข็งที่อุณภูมิ 0-3 องศา ควรรับประทานให้หมด ภายใน 1-3 วัน เพื่อคุณภาพสินค้าไม่ลดลงมาก

วิธีเก็บรักษาปลาทูน่า Read More »

อาหารแช่แข็ง คืออะไร ? (FROZEN FOOD)

บ่อยครั้งในชีวิตประจำวัน หลายคนคงเคยซื้ออาหารสำเร็จรูป หรือ อาหารแช่แข็งมาทาน ไม่ว่าจะเป็นของว่างอย่าง เฟรนท์ฟราย ไก่ทอดในตลาดนัด อาหารทะเลสดแช่แข็ง หรืออาหารกล่อง จากร้านสะดวกซื้อ เหตุผลเพียงเพราะ หาซื้อง่าย สะดวกซื้อ ไม่ต้องเสียเวลาปรุง หรือเสียเวลาเตรียมวัตถุดิบให้ยุ่งยาก เพียงแค่ ต้ม ผัด แกง ทอด นิดหน่อยก็อร่อยพร้อมทานได้แล้ว แต่ก็มีความเชื่อว่า การทานอาหารแช่แข็งเป็นประจำ จะทำให้เป็นโรคมะเร็ง!! จะตอบคำถามนี้ได้ ต้องรู้ก่อนว่า อาหารแช่แข็งคืออะไร ? ปลอดภัยต่อสุขภาพและมีประโยชน์แค่ไหน ? จริงหรือไม่นั้น คำตอบพร้อมเสิร์ฟ อยู่ด้านล่างนี้แล้ววว อาหารแช่แข็ง (Frozen Food) คืออะไร? – ถนอมอาหารโดยใช้ความเย็น ความเย็นจะช่วยหยุดการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ซึ่งเป็นสาเหตุของอาหารเน่าเสีย ทำให้อาหารคงความสด และเก็บไว้กินได้นานขึ้น- แช่แข็ง -18 องศา อุณหภูมิมาตรฐานในการแช่แข็ง ณ จุดกึ่งกลางของสินค้า แม้แต่เชื้อราก็ไม่สามารถเจริญเติบโตได้- นิยมแช่แข็งเนื้อสัตว์ และอาหารสำเร็จรูปพร้อมทาน โดยเฉพาะการขนส่งเนื้อสัตว์ซึ่งเป็นอาหารหลัก ไปยังพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศและต่างประเทศ ล้วนใช้วิธีการแช่แข็ง เพราะสามารถรักษาความสดและคุณภาพอาหารได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้ “ความอร่อย” สามารถส่งตรงได้ถึงทุกครัวเรือน – คุณค่าเทียบเท่าอาหารสด เพราะไม่ผ่านความร้อนตัวการทำลายสารอาหาร คุณค่าทางโภชนาการจึงยังอยู่เกือบครบถ้วน – เกร็ดควรรู้ ควรเลือกซื้อจากผู้ผลิตที่น่าเชื่อถือ มีการควบคุมระบบการผลิตและการคัดเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน ทำให้มั่นใจได้ว่าเป็นวัตถุดิบชั้นดี สะอาด สดใหม่ทุกวัน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า “อาหารแช่แข็ง” เป็นส่วนหนึ่งของสังคมสมัยใหม่ที่ต้องการความสะดวก รวดเร็วเป็นอันดับแรก เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการอาหารสด สะอาด คุณภาพดี แถมยังมีคุณค่าทางโภชนาการและอร่อยไม่ต่างจากอาหารสดใหม่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ในการเลือกซื้อก็ต้องพิจารณาถึงคุณภาพในการคัดสรรวัตถุดิบ และมาตรฐานกระบวนการผลิตของโรงงานด้วย ดังนั้นผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ ควรเลือกผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็งจากผู้ผลิตที่น่าเชื่อถือ ใส่ใจผู้บริโภค และอย่าลืมดูแลตัวเองด้วยการกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ไม่กินอาหารเมนูซ้ำๆ และหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ เพียงเท่านี้ก็ “อร่อยสะดวก…ปลอดภัยต่อสุขภาพ” แล้ว ขอขอบคุณข้อมูลจาก https://www.sanook.com/health/2781/

อาหารแช่แข็ง คืออะไร ? (FROZEN FOOD) Read More »

เก็บและละลายอาหารแช่แข็งอย่างไรให้ “สด สะอาด อร่อย”

1. แช่ช่องฟรีซทันที หลังซื้ออาหารแช่แข็งจากจุดจำหน่าย ให้รีบนำเข้าช่องฟรีซทันทีเพื่อรักษาความสด 2. แช่ไว้ใต้ช่องฟรีซ แค่นำอาหารแช่แข็งลงมาไว้ในถาดใต้ช่องฟรีซ ก็จะช่วยให้น้ำแข็งค่อยๆ ละลาย โดยไม่ทำให้เนื้อเสียรสชาติ ‘ความอร่อย’ 3. แช่น้ำไปเลย ถ้าอาหารแช่แข็งอยู่ในบรรจุภัณฑ์ปิดสนิท ให้นำไปแช่น้ำทั้งบรรจุภัณฑ์ได้เลย วิธีนี้ทั้งละลายได้เร็ว และสะดวก แต่ถ้าไม่มั่นใจว่าจะกินหมดในครั้งเดียว ให้แบ่งส่วนออกมาแช่น้ำ (ระวังอย่าให้สัมผัสน้ำโดยตรง) และเมื่อใช้เสร็จ ควรเก็บไว้ในภาชนะปิดสนิทเพื่อใช้ในมื้อต่อไป 4. กินเท่าไหร่ ทำเท่านั้น เมื่อเปิดบรรจุภัณฑ์แล้ว ควรรับประทานให้หมด ไม่ควรนำส่วนที่เหลือกลับไปแช่แข็งซ้ำ เพราะเนื้อจะยุ่ยและเสียประโยชน์ แต่ถ้าจำเป็นก็ไม่ควรเก็บไว้เกิน 3 วัน ในตู้เย็นที่อุณหภูมิ 0-4 °C ขอขอบคุณข้อมูลจาก https://www.sanook.com/health/2781/

เก็บและละลายอาหารแช่แข็งอย่างไรให้ “สด สะอาด อร่อย” Read More »